วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

มาเติมพลังให้ร่างกายกันดีกว่า

     ร่างกายต้องการอะไร ใครรู้บ้าง !!!!!!!

     สำหรับคนรักสุขภาพต้องรู้แน่ๆ ว่า ในแต่ละวันร่างกายของเราต้องการอะไร แล้วเค้าเหล่านั้นก็จะตอบสนองความต้องการของร่างกายได้อย่างพอเหมาะพอดี แต่ถ้าใคไม่รู้เราก็ต้องเริ่มที่จะศึกษาเอาไว้บ้าง เพื่อสุขภาพที่ดีของเรา
     ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า ใน 1 วันเราต้องใช้พลังงานไปกับกิจกรรมอะไรบ้าง แล้วเราก็จะสามารถเติมเต็มพลังงานที่เราต้องการเข้าไปให้พอได้ 
     แต่วันนี้เรามาดูกันเล่นๆ ดีกว่า ว่าในอาหาร 1 อย่างที่เราจะกินเข้าไป ควรมีพลังงานเท่าไรถึงจะเรียกว่าพอดี
     1. ไขมันอิ่มตัว ไม่ควรเกิน 1 ใน 3 ของไขมัน  ใน 1 วัน บริโภคได้ 20 กรัม หรือน้อยกว่านั้น ก็ได้
     2. ไขมนทรานส์ น้อยกว่า 20 กรัม ในแต่ละมื้อ  ใน 1 วัน บริโภคได้ 20 - 35 % ของไขมันทั้งหมด จะอยู่ในพวกขนมอบกรอบทั้งหลาย เช่น แคร็กเกอร์ บิสกิต เป็นต้น
    2 อย่างนี้ ช่วยทำให้หัวใจแข็งแร็ง (อกหัก รักคุด ช่วยไม่ได้นะจ๊ะ) 

     3. แคลเซียม 200-300 มิลลิกรัม ต่อหน่วยบริโภคนะ  ใน 1 วัน ควรบริโภค 1,000 มิลลิกรัม
 แต่ ถ้าผู้หญิงอายุต่ำกว่า     50 ปี  ควรได้รับ   1,000  มิลลิกรัม
      ถ้าผู้หญิงอายุมากกว่า   51 ปี   ควรได้รับ  1,300  มิลลิกรัม
     4. วิตามิน ดี  ควรจะได้รับวันละ 800 IU  
      ข้อนี้หาได้ง่ายๆ แบบว่าไม่ต้องลงทุนเลย แค่คุณหาเวลาไปโดนแสงแดดยามเช้าบ้าง แต่ระวังแดดแรงนะคะ จะทำให้เป็นอันตรายต่อผิวหนัง สำหรับใครที่กลัวว่าผิวจะคล้ำจากการโดนแดด ก็ระวังจะเป็นโรคขาดวิตามินดีนะจ๊ะ  
     ตอนนี้ไม่ต้องกังวลแล้ว เค้ามีวิตามิน ดี สังเคราะห์มาทดแทนให้ หาได้จาก เนยมาการีน นั่นเอง แต่จะเอาแบบธรรมชาติ ก็พวกปลาแซลมอน และปลาซาร์ดีน เป็นต้น
     2 อย่างนี้ จะช่วยในการบำรุงกระดูกนะจ๊ะ

     5. โอเมก้า 3  ควรได้รับ 800 มิลลิกรัม ต่อวัน
     หาได้จากการบริโภควีเรียล ไข่ ขนมปัง (ไม่ขัดขาว) และน้ำผลไม้ อาหารทะเลก็ได้ แต่ต้องกินเป็นประจำนะ
     6. ธาตุเหล็ก 1.8 มิลลิกรัม ต่อ หนึ่งหน่วยบริโภค  ใน 1 วัน ควรได้รับ 18 มิลลิกรัม
  แต่ ถ้าผู้หญิงอายุต่ำกว่า     50 ปี  ควรได้รับ   18 มิลลิกรัม
      ถ้าผู้หญิงอายุมากกว่า  51 ปี  ควรได้รับ  8 มิลลิกรัม
 2 อย่างนี้ จะช่วยในเรื่องความจำนะจ๊ะ

     7. โฮลเกรน น้ำตาลต่ำ ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกแบบมีธัญพืชผสมด้วย จะดีมาก เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด และลูกเดือย (แป้งไม่ขัดขาวนะ) 
     8. โปรตีน ได้จาก นม เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากไข่ และถั่ว ใน 1 วัน ควรได้รับ 0.8 - 1 กรัมต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม
2 อย่างนี้ จะช่วยเพิ่มพลังในการใช้ชีวิตประจำวันนะจ๊ะ

สำหรับสาวๆ ที่ต้องการผอมได้ตลอดเวลา เชิญทางนี้

     1. กิโลจูล หลายคนคงงงว่า "กิโลจูล" คืออะไร เรามารู้กันก่อนดีกว่า
     คำว่าแคลอรี่นี่ต้องแยกนิดนึงนะครับว่า เป็น Calorie หรือ calorie โดยที่ 1 Calorie (Cal) = 1 kilocalorie (kcal) ในอเมริกาถ้าพูดถึงแคลอรีในทางโภชนาการจะหมายถึง Calorie ครับ (เวลาอ่านจาก Nutrition Fact จะเป็นหน่วยนั้น) แต่ในฉลากข้อมูลโภชนาการชองไทย เราจะใช้ calorie ครับ
     ทั้ง calorie, Calorie, และ joule เป็นหน่วยวัดพลังงานเหมือนกัน joule เป็นหน่วยสากลในระบบเมตริกและ SI  ส่วนแคลอรีเป็นหน่วยในระบบเก่า ซึ่งปัจจุบันมีความเป็นสากลน้อยกว่า ดังนั้นในหลายประเทศจึงพยายามหันมาใช้หน่วยเมตริกหรือ SI กันมากขึ้น จึงปรากฏหน่วยกิโลจูลให้เห็น

1 จูล มีค่าประมาณ:
  • 0.239 แคลอรี(calorie) (small calories)
  • 2.390 × 10−4 แคลอรี่หรือกิโลแคลอรี (อาหาร)     
และใน 1 วัน เราควรได้รับ 6,500 กิโลจูล 
     2. ไฟเบอร์ 1 มื้อ ควรมีไฟเบอร์ให้มาก หรืออย่างน้อย ต้องไม่ต่ำกว่า 6 กรัม  ใน 1 วัน ควรได้รับ 25 กรัม 
     3. คาโบโฮเดรต  ควรเลือจากอาหารที่มีน้ำตาลต่ำนะคะ จะหาได้จาก ขนมปังไม่ขัดสี ถั่ว ผลไม้แห้งจากธรรมชาติ

สุขภาพที่ดี
 ตัวอย่างฉลากขนม ที่แจ้งให้เราทราบข้อมูล การบริโภค

     เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้ว เราก็เลือกที่จะกินอาหารตามที่ร่างกายต้องการได้แล้ว โดยถัวคติว่า
"กินเพื่ออยู่นะจ๊ะ  ไม่ได้อยู่เพื่อกินจร้า"   
     ถ้าเรารู้จักเลือกกินแต่ของที่มีประโยชน์ ก็จะทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี และไม่ต้องกลัวอ้วนอีกด้วย  





*****
อ้างอิง      นิตยาสาร Women'sHealth
                http://th.wikipedia.org/wiki/จูล
                http://www.atriumtech.com

วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ภัยร้ายในเครื่องสำอางค์

เตือนภัยวันนี้ เครื่องสำอางค์พบสารปนเปื้อน

     คุณผู้หญิงที่รักสวย รักงามทั้งหลาย รวมทั้งคุณผู้ชายด้วยนะคะ ในปัจจุบันนี้ ทาง อย.ได้ทำการตรวเข้มเกี่ยวกับเครื่องสำอางค์เป็นอย่างมาก จึงทำให้พบว่าในเครื่องสำอางค์ที่เราใช้กันในปัจจุบันนั้นได้มีสารเคมีปนเปื้อนเป็นจำนวนมาก และหลายยี่ห้อ  และยังมีที่ยังไม่ได้ตรวจอีกมากมาย
     ในภาพรวมจะทำให้เรามองได้หลายแง่ ว่าสารเคมีที่ตรวจพบนั้น มาจากการไม่ได้ตั้งใจของผู้ผลิต หรือว่าตั้งใจผลิตสินค้าออกมาโดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดกับผู้บริโภค ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตขอให้นึกถึงข้อดี และข้อเสียที่จะเกิดกับผู้บริโภคก่อน ไม่ใช่คิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตน

     ตัวอย่าง สารเคมีที่ตรวจพบในเครื่องสำอางค์ 
     1. ปรอท <Mercury>    พบมากในเครื่องสำอางค์
     2. PVP <Polyvinylpyrrolidone>  พบมากในน้ำยสเปรย์แต่งผม
     3. ตะกั่ว <Lead> พบมากในเครื่องสำอางค์
     4. เฮกซ่าคลอโรฟีน <Hexachlorophene> พบมากในแป้งและสบู่
     5. ไฮโดรควิโนน <Hydroquinone> พบมากในครีมลอกผ้า
     6. โซเดียมลอริลซัลเฟต <Sodium Lauryl Sulfate> พบมากในแชมพู สบู่หรือยาสีฟั
     7. กรดวิตามิน เอ <Retinoic Acid> พบมากในผลิตภัณฑ์รักษาสิว
     8. มิเนรัลทัลค์ <Mineral Talc> เป็นส่วนผสม 90 % ของแป้งฝุ่น อายเชโดว์ แป้งเด็ก และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเล้น
     9. ฟอร์มัลดีไฮด์ <Formaldehyde> เป็นส่วนผสมของน้ำยาทาเล็บ สบู่ และครื่องสำอางค์ทั่วไป
     10. สเตียรอยด์<Steroids>

     จากตัวอย่างสารเคมี 10 อย่าง มีถึง 4 อย่างที่พบได้ง่ายๆ ในเครื่องสำอางค์ และยังไม่รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ในฐานะที่เราเป็นผู้บริโภค เราควรใส่ใจกันนิดหนึ่ง  เกี่ยวกัข้อดี และข้อเสีย ที่เราจะได้รับ เช่น 

     - การอ่านฉลากให้ดีและถี่ถ้วน 
     - ควรซื้อของที่มีคุณภาพ มีแหล่งผลิตที่ได้มาตราฐาน 
     - มี อย.รับรอง
     - อย่าหลงเชื่อ คำโฆษณาชวนเชื่อให้มาก อย่างเป็นฝ้ามาหลายปี ใช้ครีมแค่ 7 วันหาย  น่าเชื่อหรือเปล่า !!!!
     - ของถูก ควรระวังให้มากๆ  ถูกด้วย ดีด้วย จะมีมั้ยในโลก  
   
     "ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง" จากสุภาษิตนนี้คงไม่มีใครเถียงได ถ้าเราจะสวย เราต้องสวยอย่างปลอดภัย และสวยอย่างฉลาดด้วย เพื่อที่ความสวยจะได้อยู่กับเรานาน อย่าลืมนะคะ ความสวยก็เกิดได้จาก การกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ  เพียงแค่นี้ คุณก็สวยได้ไม่ต้องกลัวแล้ว

ความสวยความงาม





*****
อ้างอิง    นิตยาสาร Lisa

ขอขอบคุณ   ภาพจาก Internet